เชลซี แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเริ่มฟอร์มทีมได้อย่างเข้าฝักแล้ว และสามารถต่อกรกับ แมนฯ ซิตี้ แชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้อย่างสูสีชนิดที่ไม่เป็นรองสักเท่าไหร่เลยโดยอาศัยลูกบ้าบิ่นเปิดเกมรุกแลกกับ เรือใบสีฟ้า ชนิดใครดีใครอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ และผลักกันนำผลัดกันตามอย่างดุเดือดพลิกไปพลิกมาก่อนที่เกมจะลงเอยด้วยการเสมอกันไปแบบสุดเร้าใจในการฟาดแข้งศึก พรีเมียร์ลีก ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 พ.ย.
1. สิงห์เปลี่ยนรายเดียวจากเกมล่าสุด
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือทีม เชลซี ปรับทัพ 11 คนแรกรายเดียวจากเกมลีกนัดบุกไปพิชิต สเปอร์ส 4-1 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
สิงห์บลูส์ ประสบกับปัญหา ลีวาย โคลวิลล์ กองหลังเจ็บไหล่เล็กน้อย ทำให้หมดสิทธิ์ลงเล่นโดยมี มาร์ค กูกูเรย่า เสียบแทนในโผตัวจริง
ขณะเดียวกัน โคล พาลเมอร์ ที่ย้ายมาจาก แมนฯ ซิตี้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ได้บู๊กับอดีตสโมสรเช่นเดียวกับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
2. เรือใบปรับโผตัวจริงห้าตำแหน่ง
แมนฯ ซิตี้ ของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เปลี่ยนทีมตัวจริงบุกมาเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์ รวมห้าชีวิตจากเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มที่ปะทะกับ ยัง บอยส์ เมื่อกลางสัปดาห์
ในจำนวนนี้ มานูเอล อาคันจี กับ เฌเรมี่ โดกู กลับมาออกสตาร์ตเช่นเดียวกับ โรดรี้ , ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา
ส่วนห้ารายที่เสียตำแหน่งประกอบไปด้วย มาเตโอ โควาซิช , แจ็ค กรีลิช , มาเตอุส นูเนส , ริโก้ ลูอิส และ จอห์น สโตนส์ ที่บาดเจ็บตาม นาธาน อาเก้ ไปอีกราย
ขณะเดียวกัน เรือใบสีฟ้า ใส่ชื่อตัวสำรองในเกมนี้แค่แปดรายเท่านั้นโดยมีนายทวารสองรายคือ สกอตต์ คาร์สัน กับ สเตฟาน ออร์เตก้าอออ
3. ใครดีใครอยู่
อันที่จริง เชลซี เริ่มเกมได้ดี และบุกไปสร้างปัญให้ แมนฯ ซิตี้ ได้ไม่เลว แต่ผ่านมา 25 นาที กูกูเรย่า เป็นตัวต้นเหตุทำให้ทีมเสียหายเมื่อไปดึง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ล้มในเขตโทษ จึงทำให้เจ้าบ้านเสียลูกโทษตามระเบียบโดยกองหน้าร่างยักษ์สังหารได้ไม่พลาดพาแชมป์เก่าบุกมานำ 1-0
จึงเป็นอีกเกมที่ดาวเตะสแปนิชมีผลงานไม่น่าประทับใจเนื่องจากก่อความผิดพลาดอีกจนได้ ยังดีที่ ติอาโก้ ซิลวา ใช้เวลาแค่สี่นาทีก็ตีเสมอให้เจ้าบ้านได้สำเร็จแม้เจ้าตัวจะถูกมองว่าแก่เกินแกงไปแล้วก็ตาม
จนในที่สุด ยอสโก้ กวาร์ดิโอล แบ็คซ้าย แมนฯ ซิตี้ ก็พลาดเช่นกัน และส่งผลร้ายทำให้ สเตอร์ลิ่ง ยิงประตูทีมเก่าพาเจ้าบ้านแซงนำ 2-1 ในนาทีที่ 37 แต่เข้าสู่ช่วงทดเวลา อาคันจี ตามโขกตีเสมอให้ แมนฯ ซิตี้ ได้เป็น 2-2 ซึ่งถือเป็นเกมที่พลิกไปพลิกมายากแก่การคาดเดา และเป็นเกมที่ต่างก็ก่อความผิดพลาดจนทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้ประตู
จบครึ่งแรก เชลซี เป็นรองแค่การครองบอล 41:59% แต่เหนือกว่าในจังหวะส่องยิง 11-8 ครั้งโดยทั้งสองทีมซัดตรงกรอบ 5 ครั้งเท่ากัน
4. พาลเมอร์ ทำแสบทีมเก่า
กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งหลัง ฮาลันด์ แสดงให้เห็นอีกหนว่า “ใหญ่กว่าได้เปรียบ” เพราะครึ่งแรกเขาทำให้ทีมได้ลูกโทษเนื่องจาก กูกูเรย่า ต้องเข้าเหนี่ยวไม่ให้ปราดเข้าถึงบอล และต้นครึ่งหลังเขาอาศัยรูปร่างที่ใหญ่กว่า รีซ เจมส์ ปราดเข้าฮอสระยะเผาขนให้ เรือใบสีฟ้า นำหน้า 3-2 จนได้ในนาทีที่ 47
อย่างไรก็ดี เชลซี เล่นเกมนี้ได้อย่างน่าประทับใจ และสู้ทุกจังหวะกระทั่งได้รับผลตอบแทนในนาทีที่ 67 จากจังหวะเข้าซ้ำของ นิโคลัส แจ็คสัน หลังจาก เอแดร์ซอน ปัดลูกยิงไกลจาก คอเนอร์ กัลลาเกอร์ มาเข้าทางปืนทำให้เจ้าบ้านตีเสมอ 3-3
สำหรับผลเสมอ 3-3 นับเป็นครั้งแรกด้วยที่ แมนฯ ซิตี้ เสียประตูในเกม พรีเมียร์ลีก มากถึงสามเม็ดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2022 นัดที่พวกเขายำใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด 6-3 และเป็นครั้งแรกในเกมลีกสูงสุดของอังกฤษที่ เชลซี กับ แมนฯ ซิตี้ ยิงได้ฝ่ายละสามประตูนับตั้งแต่เดือนพ.ย.1960 ที่ สิงห์บลูส์ พิชิต เรือใบสีฟ้า 6-3
แต่แล้วเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเศรษฐีลอนดอนเพราะถึงนาทีที่ 87 โรดรี้ หาช่องกระทุ้งจากหน้าเขตโทษแฉลบจังหวะบล็อคของ ติอาโก้ ซิลวา เปลี่ยนทางเข้าประตูให้แชมป์เก่านำอีกหน 4-3 ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น สเตอร์ลิ่ง ถวายพานให้ เมโล่ กุสโต้ หลุดเดี่ยวไปยิงโด่งข้ามคานเหลือเชื่อทั้งๆที่น่าจะเป็นสกอร์นำ 4-3 ของเจ้าบ้านก่อนซะมากกว่า
กระทั่งในช่วงทดเวลานาทีที่ 95 รูเบน ดิอาส ก็เป็นอีกรายที่เล่นพลาดในเกมนี้เมื่อรวบ อาร์มันโด้ โบรย่า ล้มในเขตโทษจึงเป็นลูกโทษของ สิงห์บลูส์ และ พาลเมอร์ เด็กเก่า เรือใบ จอมยิงลูกโทษประจำทีมสังหารไม่พลาดตีเสมอเป็น 4-4 ได้สำเร็จโดยหลังจากเกมจบลงสถิติเผยว่าทีมเยือนยังครองบอลได้มากกว่า 55:45% แต่ทีมเมืองหลวงได้ยิงมากกว่า 17-15 ครั้ง หากว่าเป็นรองในแง่ของจำนวนที่เข้ากรอบ 10-9 ครั้ง
จากผลเสมอ 4-4 ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ นับเป็นครั้งแรกในอาชีพกุนซือของ กวาร์ดิโอล่า กับการคุมทีมลงสนามเป็นเกมที่ 882 ของเขาที่ต้องเห็นทีมตัวเองและฝ่ายตรงข้ามได้และเสียประตูมากถึงสี่เม็ด
สำหรับ สเตอร์ลิ่ง และ พาลเมอร์ ทั้งสองเป็นนักเตะรายที่แปดและเก้าที่สอยตาข่าย เรือใบสีฟ้า ในเกม พรีเมียร์ลีก ได้หลังเคยรับใช้ทีมเงินถังมาก่อนต่อจาก ไนออล์ ควินน์ , สตีฟ โลมาส , แกร์รี่ ฟลิตครอฟท์ , โจวานนี่ , แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ , อัลบาโร่ เนเกรโด้ และ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่
5. เส้นทางการป้องกันแชมป์
หลังบุกไปโดน เชลซี แชร์แต้ม ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะกลับมาลงเล่นอีกหนหลังพ้นช่วงเบรกเกมทีมชาติไปแล้วโดย แมนฯ ซิตี้ จะประเดิมเจอเกมยากต่อทันทีนัดเปิดบ้านฉะกับ ลิเวอร์พูล รองจ่าฝูงในวันที่ 25 พ.ย.
จากนั้นหลังเสร็จภารกิจในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ปะทะกับ แอร์เบ ไลป์ซิกที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ทีมเงินถังจะเล่นในบ้านต่อด้วยการดวลกับ สเปอร์ส ซึ่งซีซั่นนี้มีเกมรุกที่น่ากลัวเช่นกันในวันที่ 3 ธ.ค.โดยที่หากทีมของ กวาร์ดิโอล่า ผ่านสองเกมสำคัญนี้ไปได้โอกาสป้องกันแชมป์ได้สำเร็จก็น่าจะเพิ่มพูนมากขึ้นในเมื่อพวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ารับมือได้อย่างไม่มีปัญหา
ถัดจากสองเกมบิ๊กแมตช์ แชมป์เก่าจะออกนอกบ้านสองเกมต่อเนื่องด้วยการบุกไปเยือน แอสตัน วิลล่า และโดยเฉพาะ ลูตัน ซึ่ง เรือใบสีฟ้า น่าจะคว้าสามแต้มจากทีมน้องใหม่ได้ไม่ยากแม้สองเกมหลัง เดอะ แฮ็ตเตอร์ส จะสร้างเซอร์ไพรส์เปิดบ้านเสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1 ชนิดเกือบชนะ และบุกไปแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด แค่ 1-0 เท่านั้น แถมก่อนหน้านั้นในเกมเหย้าช่วงต้นเดือนก่อน พวกเขาพ่ายต่อ สเปอร์ส แค่ 1-0 เช่นกัน ดูบอลฟรี