ฤดูกาล 2023/24 ที่เพิ่งรูดม่านไปนั้นถือเป็นเวทีความสำเร็จของบรรดากุนซืออดีตแข้งดังไม่ว่าจะเป็น ชาบี อลอนโซ่ ดับเบิลแชมป์เยอรมันไร้พ่ายกับ เลเวอร์คูเซ่น, หลุยส์ เอ็นรีเก้ กุนซือ เปแอสเช ดับเบิลแชมป์ฝรั่งเศส หรือกระทั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีกประวัติศาสตร์ 4 ปีซ้อน ก็เคยเป็นนักเตะนามอุโฆษมาก่อน

อย่างไรก็ดีเหรียญมี 2 ด้าน ใช่ว่ายอดนักเตะทุกคนที่ต่อยอดสู่งานโค้ชได้ดี อย่างล่าสุดสดๆ ร้อนๆ เวย์น รูนี่ย์ เพิ่งล้มเหลวกับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ก่อนได้งานคุม พลีมัธ อีกทีมลีกแชมเปี้ยนชิพ ท่ามกลางสายตารอบข้างไม่น่าไว้วางใจสักเท่าไร

และนี่คือ “ตำนานแข้ง” อีกกลุ่มที่ดูจะทำผลงานห่างไกลจากความน่าประทับใจในสายงานข้างสนาม…

1.ฟาบิโอ คันนาวาโร่

เริ่มต้นกันด้วย 1 ในสุดยอดกองหลังตลอดกาล อดีตกัปตันทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์โลก 2006 พ่วงรางวัลบัลลงดอร์ปีเดียวกัน คว้าแชมป์ลีกอีกหลายสมัยกับ ยูเวนตุส และ เรอัล มาดริด แต่กลับไม่ได้ถ่ายทอดสู่อาชีพโค้ชหลังจากแขวนเกือกไปเมื่อปี 2011

คันนาวาโร่ ไต่เต้าทำงานสตาฟฟ์โค้ชในตะวันออกกลาง กระทั่งได้ชิมลางเฮดโค้ชช่วงปลายปี 2014 คุมทีม กว่างโจว เอฟเวอร์แกรนด์ แทนที่ มาร์เชลโล่ ลิปปี้ เจ้านายเก่าชุดแชมป์โลก ต่อด้วย อัล นาสเซอร์ ในลีกซาอุดีอาระเบีย รีเทิร์นแดนมังกรคุม เทียนจิน ฉวนเจี้ยน, กว่างโจว ภาคสอง, ทีมชาติจีน กระทั่งปี 2022 กลับบ้านเกิดรั้งบังเหียน เบเนเวนโต้ และสดๆ ร้อนๆ กับ อูดิเนเซ่ ทำท่าจะรุ่งขึ้นมาบ้าง รับงานเดือนเม.ย. เก็บ 9 แต้มจาก 6 นัดรอดตกชั้นจากเซเรีย อา ในนัดสุดท้าย

2.ปาทริค วิเอร่า

ตำนานกองกลางทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์โลก 1998, ยูโร 2000 และ อาร์เซน่อล ชุดแชมป์ลีกไร้พ่าย 2003/04 เผชิญกับช่วงเวลาขึ้นๆ ลงๆ ตลอด 11 ปีบนเส้นทางโค้ช เริ่มต้นด้วยทีมเยาวชน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้นสังกัดเก่าช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง

วิเอร่า ผ่านประสบการณ์ข้ามทวีปไปคุม นิวยอร์ค ซิตี้ ในเมเจอร์ลีก สหรัญฯ และ นีซ ที่บ้านเกิด ก่อนเข้าสู่แวดวงพรีเมียร์ลีกกับ คริสตัล พาเลซ แรกๆ ดูดีมีทรงสุดท้ายโดนปลดใน 18 เดือนต่อมา แต่ในไม่นานก็กลับมากอบกู่ชื่อเสียงปลุกปั้น สตราส์บูร์ก จากโซนท้ายตารางมาจบอันดับ 13 ในลีก เอิง ซีซั่นล่าสุด

3.สตีเว่น เจอร์ราร์ด

ทุกวันนี้ยังคงได่รับการยกย่องเป็น 1 ในสุดยอดมิดฟิลด์ตลอดกาลแห่งพรีเมียร์ลีก พ่วงดีกรีขวัญใจเบอร์ต้นๆ ของแฟนหงส์ แม้ไม่คยได้เชยชมโทรฟี่แชมป์ลีก แถมฉากจบไม่สวยต้องย้ายข้ามน้ำข้ามทะเลไป แอลเอ แกแล็กซี่ ก็ตามที

“สตีวี่ จี” เปิดฉากอย่างเร้าใจในสายงานข้างสนาม ทำทีมอะคาเดมี่ ลิเวอร์พูล ได้เข้าตา ต่อยอดสู่งานชิ้นแรกกับ เรนเจอร์ส ที่ซึ่งเขาคว้าแชมป์ลีกไร้พ่ายในซีซั่น 2020/21 ดูใกล้เคียงกับสถานะทายาทกุนซือ “หงส์แดง” ก่อนเจือจางหายไปกับผลงานล้มเหลวที่ แอสตัน วิลล่า ถูกปลดหลังจากผ่านไป 11 เดือน ปัจจุบันกับ อัล เอตติฟาค ในซาอุฯ ก็เข้าข่ายความชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฎ

4.คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ

ว่ากันว่ามิดฟิลด์สายมันสมองมักจะไปได้สวยในอาชีพโค้ช หากแต่ตรรกะนี้คงต้องยกเว้นไว้สำหรับ เซดอร์ฟ อดีตยอดกองกลางเจ้าของสถิติคนแรกที่ได้แชมป์ยุโรปกับ 3 สโมสรที่ต่างกัน (อาแจ็กซ์, เรอัล มาดริด และ มิลาน)

ตำนานแข้งดัตช์ประเดิมงานโค้ชตั้งแต่ยังไม่เลิกเล่นกับทีม “รอสโซเนรี่” ในช่วงสั้นๆ 4 เดือน ชนะ 11 จาก 22 แมตช์ไม่เพียงพอได้ไปต่อ นับจากนั้นผ่านงานคุม เสิ่นเจิ้น ในลีกจีน, เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า ในลา ลีกา จนถึงทีมชาติแคเมอรูน ภายในระยะเวลา 5 ปี แล้วก็ไม่เคยรับจ๊อบที่ไหนอีกเลยตั้งแต่ 2019

5.แฟร้งค์ แลมพาร์ด

อีกหนึ่งสุดยอดตำนาน กองกลางเพียงไม่กี่คนที่นั่งแท่นดาวยิงตลอดกาลสโมสร คนละเรื่องกับบทบาทสั่งการข้างสนามนับตั้งแต่ผันตัวเมื่อปี 2018

แลมพ์ส เปิดซิงคุม ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ได้เครดิตหน่อยๆ กับการเข็นทีมไปถึงนัดชิงเพลย์ออฟ พ่าย แอสตัน วิลล่า ก่อนรับจ๊อบในฝันคืนถิ่นเก่า เชลซี ปีแรกจยอันดับท็อปโฟร์พ่วงเข้าชิงเอฟเอ คัพ แต่หลังจากนั้นคือฝันร้าย ปีต่อมาถูกปลด ไปทำทีม เอฟเวอร์ตัน รอดตกชั้นก็ไม่ได้ไปต่อ คัมแบ็ก “สิงห์บลูส์” แบบรักษาการยิ่งหนัก ชนะแค่หนเดียวจาก 11 เกมท้ายซีซั่น 2022/23 และว่างงานยาวๆ นับจากนั้น

6.อันเดรีย ปีร์โล่

ตำนานผู้บุกเบิกโฮลดิ้งมิดฟิลด์ กวาดแชมป์เมเจอร์แทบทุกรายการเท่าที่ลงเล่นกับ มิลาน, ยูเวนตุส และทีมชาติอิตาลี แต่ก็เป็นอีกรายเช่นกันที่ล้มเหลวกับงานคุมต้นสังกัดเก่า

ปีร์โล่ ถูกส่งลงน้ำคุม ยูเว่ แทนที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ แม้ได้แชมป์โคปปา อิตาเลีย แต่ชวดป้องกันสคูเด็ตโต้ จบแค่ที่ 4 ถูกปลดทันที งานชิ้นต่อๆ มาก็ยังไม่ปังทั้งกับ ฟาติห์ คารากุมรุค ในตุรกี และ ซามพ์โดเรีย บนเวทีเซเรีย บี ดูบอลออนไลน์