ทีมชุดปัจจุบันติดโผ 3 ราย! 10 ดีลสุดห่วยของ แมนยู หลังยุคป๋าเฟอร์กี้
นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจวางมือ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังใช้เงินซื้อนักเตะอย่างสุรุ่ยสุร่ายเกินกว่าหนึ่งพันล้านปอนด์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อดีตกุนซือเลือดวิสกี้พาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ปี 2013 เป็นโทรฟี่ใบสุดท้ายของเขาก่อนสละเก้าอี้ และนับจากนั้น ผีแดง ก็ไม่เคยได้สัมผัสกับแชมป์รายการนี้อีกเลย
เท่าที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้หยุดควักกระเป๋าเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ และพวกเขาหมดเงินไปมากถึง 1.13 พันล้านปอนด์แล้ว
ต่อตัวเลขที่ว่า ไม่น่าเซอร์ไพรส์อะไรที่ เร้ด เดวิลส์ จะกลายเป็นทีมที่ใช้เงินจ่ายตลาดหนักที่สุดในยุโรปซึ่งเหนือกว่าทั้ง แมนฯ ซิตี้ และ เชลซี ที่ลงทุนเป็นจำนวน 940 ล้านปอนด์ และ 890 ล้านปอนด์
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับไม่ประสบความสำเร็จในการคว้าถ้วยรางวัลขณะที่สองสโมสรร่วมลีกได้ทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ลีก
และที่สำคัญ หลายต่อหลายครั้งที่ทีมจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทุ่มเงินคว้านักเตะค่าตัวแพงมาร่วมชายคากลับกลายเป็นว่าหลายรายไม่อาจตอบแทนเม็ดเงินของสโมสรได้เลย
ฉะนั้นแล้วนี่คือ 10 นักเตะ ผีแดง ซึ่งถือเป็นการเซ็นสัญญาที่เลวร้ายที่สุดของสโมสรหลังพ้นยุคของป๋า เฟอร์กี้
10. ราดาเมล ฟัลเกา
หัวหอกทีมชาติ โคลอมเบีย ถูกคาดหวังเอาไว้สูงหลังจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ดึงเขามาจากทีม โมนาโก ในปี 2014
แม้จะย้ายสู่ โรงละครแห่งความฝัน แบบยืมตัว แต่ทีมดังของ พรีเมียร์ลีก หมดเงินไปไม่น้อยเป็นจำนวน 6 ล้านปอนด์
ถึงกระนั้น ขณะค้าแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ศูนย์หน้าละตินพังประตูได้แค่สี่ลูกเท่านั้นจากการลงสนาม 29 นัดในทุกรายการ
9. มอร์กกาน ชไนเดอร์ลิน
มิดฟิลด์เลือดน้ำหอมได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดนอกกลุ่มทีมระดับบิ๊กซิกซ์จากฟอร์มการเล่นของเขาในสีเสื้อของ เซาธ์แฮมป์ตัน
จากผลงานที่เจิดจรัสกับทีม นักบุญ ส่งผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงทุนเป็นเงิน 24 ล้านปอนด์กระชากเขามาร่วมทีมในปี 2015 โดย หลุยส์ ฟาน กัล ตั้งความหวังว่าเขาจะเป็นห้องเครื่องคนสำคัญของสโมสร
อย่างไรก็ดี ดาวเตะเฟรนช์แมนแผลงฤทธิ์กับสโมสรใหม่ไม่ออก และหลังลงสนามให้ ผีแดง 47 นัดในเวลาสองปีครึ่ง เขาก็ย้ายไปเริ่มต้นใหม่กับ เอฟเวอร์ตัน
กระนั้นก็ดี เรื่องดีๆที่ ชไนเดอร์ลิน ฝากเอาไว้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด คือเขาสามารถทำให้ทีมขายทิ้งได้ในราคาที่งดงาม 25 ล้านปอนด์
8.เมมฟิส เดอปาย
เดอปาย ย้ายมาร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2015 หลังสร้างชื่อได้อย่างยอดเยี่ยมกับ พีเอสวี
พ่อค้าแข้งดัตช์เซ็นสัญญากับ โรงละครแห่งความฝัน ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ แต่ไม่สามารถร่ายลีลาได้อย่างที่สาวก เร้ด อาร์มี่ วาดหวัง
รวมแล้วปีกทีมชาติ ฮอลแลนด์ ลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด 53 นัด และส่งบอลปะทะตาข่ายฝ่ายตรงข้ามได้แค่เจ็ดประตู
แม้จะมีสัญญาสี่ปี แต่อำลา ผีแดง ในเวลาสองปีไปค้าแข้งใน ลีกเอิง กับทีม ลียง และต่อด้วย บาร์เซโลน่า โดยปัจจุบันเป็นขุนพลทีม แอตเลติโก มาดริด
7. อเล็กซิส ซานเชซ
ซานเชซ ย้ายมาร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการแลกตัวสลับให้ เฮนริค มคิตาร์ยาน ย้ายไปค้าเกือกกับ อาร์เซน่อล เมื่อเดือนม.ค.2018
ทั้งๆที่ร่างเพลงเตะกับทีม ปืนใหญ่ ได้อย่างร้ายกาจ แต่ศูนย์หน้าทีมชาติ ชิลี ไม่อาจสานต่อฟอร์มที่ว่ากับ เร้ด เดวิลส์ ได้เลย
จากการลงสนาม 45 นัด ซานเชซ ซัดประตูให้ ผีแดง ได้แค่ห้าลูกภายใต้สัญญาที่ทำให้เขาได้ค่าแรงสูงลิบสัปดาห์ละ 505,000 ปอนด์
จนในที่สุดอีก 18 เดือนต่อมา เขาก็ถูกส่งให้ อินเตอร์ มิลาน ยืมตัวก่อนได้ย้ายสู่ทีม งูใหญ่ อย่างถาวรแบบไม่มีค่าตัวในปี 2020
6. ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค
กองกลางทีมชาติ ฮอลแลนด์ ถูกมองว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีของ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจากเขาสร้างผลงานพา อาแจ็กซ์ ทะลุเข้าถึงรอบตัดเชือกถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2019
อย่างไรก็ดี เจ้าของค่าตัว 35 ล้านปอนด์เอาชื่อมาทิ้งไว้กับ โรงละครแห่งความฝัน อย่างแท้จริง
นับตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก ฟาน เดอ เบค มีปัญหาล้มเจ็บบ่อยครั้ง และได้ลงบู๊แค่ 60 นัดในทุกรายการ
5. อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
มาร์กซิยาล เป็นอีกรายที่ได้รับการคาดหมายว่าจะย้ายมาประสบความสำเร็จกับ แมนฯ ยูไนเต็ด
แน่นอนว่าสตาร์เฟรนช์แมนตอบแทนค่าตัว 45 ล้านปอนด์ได้ทันควันกับการสอยตาข่ายได้ตั้งแต่เกมประเดิมสนามในปี 2015
อย่างไรก็ดี เป็นนักเตะที่ถูกอาการบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่องอีกรายซึ่งส่งผลลบต่อการวาดลวดลายในสนามของเขา
จากการลงเล่น 301 นัดในทุกรายการ มาร์กซิยาล ยิงประตูได้ 88 ลูก แต่หนสุดท้ายที่เขาคลำเป้าได้ด้วยจำนวนสองหลักอุบัติขึ้นในซีซั่น 2019/20
4. อังเคล ดิ มาเรีย
สตาร์ทีมชาติ อาร์เจนติน่า เป็นดาวดังชื่อก้องอีกรายที่ย้ายมาร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2014
ดิ มาเรีย โบกมือลา เรอัล มาดริด หันมาลิ้มลองความท้าทายในลีกอิงลิชช่วงที่เขาถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในปีกที่ดีที่สุดในโลก
แต่แล้วพ่อค้าแข้งค่าตัว 60 ล้านปอนด์ไม่ได้ตอบแทน โรงละครแห่งความฝัน เลยแม้แต่น้อย
รวมแล้ว ดิ มาเรีย ค้าเกือกกับ ปีศาจแดง แค่ซีซั่นเดียวเท่านั้นโดยลงสนามไปทั้งสิ้น 32 นัด และยิงประตูได้ 4 ลูกก่อนย้ายไปหากินกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
3.โรเมลู ลูกากู
เม็ดเงิน 75 ล้านปอนด์มองดูเป็นการใช้จ่ายที่เหมาะสมหลังจาก ลูกากู สร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจกับ เอฟเวอร์ตัน
กระนั้นก็ดี แม้ศูนย์หน้าทีมชาติ เบลเยี่ยม จะสร้างชื่อได้เป็นอย่างดีกับทีม ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน แต่หลังย้ายมาร่วมทีม ผีแดง ในปี 2017 สถานการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่ถูกคาดหมาย
มีเพียงไม่กี่เกมเท่านั้นที่ ลูกากู สามารถเล่นได้อย่างท็อปฟอร์มภายใต้สีเสื้อ เร้ด เดวิลส์ แต่ส่วนใหญ่เขาไม่อาจคายคายพิษสงออกมาได้
จนในที่สุด หัวหอกร่างยักษ์ก็ล้มเหลวกับ ผีแดง แม้จะมีผลงานที่ไม่เลวสอยตาข่ายได้ 42 ประตูจาก 96 นัด
2. แฮร์รี่ แม็กไกวร์
นับตั้งแต่ย้ายมาจาก เลสเตอร์ ด้วยค่าตัวมหาศาล 85 ล้านปอนด์ในปี 2019 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติ อังกฤษ ก็กลายเป็นตัวตลกในทีม แมนฯ ยูไนเต็ด
ถึงขณะนี้ แม็กไกวร์ ยังก่อความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่เลิกรา และเขาได้แชมป์ลีกคัพแค่รายการเดียวกับ ปีศาจแดง
กระนั้นก็ดี เขาได้รับตำแหน่งกัปตันทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2020 จากการแต่งตั้งของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือชาว นอรเวย์ ก่อนจะถูก เอริค เทน ฮาก นายใหญ่คนปัจจุบันปลดอย่างเป็นทางการไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้จัดการทีมชาว ฮอลแลนด์ ยังเมินเรียกใช้งาน แม็กไกวร์ ด้วยเนื่องจากเขาเน้นส่ง ราฟาแอล วาราน กับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟร่วมกัน
1.ปอล ป็อกบา
ในฐานะนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ป็อกบา จึงสมควรรั้งตำแหน่งหมายเลขหนึ่งในทำเนียบนี้
ทั้งๆที่เป็นผลผลิตของอะคาเดมี่ ปีศาจแดง แต่มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสเลือกย้ายไปร่างเพลงเตะกับ ยูเวนตุส แบบฟรีๆในปี 2012
หลังสร้างชื่อได้อย่างระบือลือลั่นใน เซเรียอา ป็อกบา ก็ถูก แมนฯ ยูไนเต็ด ดึงตัวกลับมาในราคา 89 ล้านปอนด์เมื่อปี 2016
แม้จะมีฝีเท้าไม่เป็นสองรองใคร แต่สตาร์เลือดน้ำหอมไม่อาจโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจเลย และยิงประตูได้แค่ 39 ลูกจาก 233 นัด
กระทั่งปี 2022 เขาก็ผละออกจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด แบบไม่มีค่าตัวอีกรอบโดยย้ายกลับสู่ทีม ม้าลาย แม้ ผีแดง จะพยายามเสนอสัญญาฉบับใหม่ให้ลงน้ำหมึก ดูบอลฟรีออนไลน์